
ในลอนดอน การรวมตัวของนักวิทยาศาสตร์ด้านการทําอาหารและผู้นําในอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้าได้เน้นย้ําถึงบทบาทสําคัญของความรู้ด้านเค้กในการเปลี่ยนแปลงภาคส่วนการอบขนม. งานนี้เน้นย้ําว่าความเข้าใจที่ครอบคลุมเกี่ยวกับส่วนผสม เทคนิค และความสําคัญทางวัฒนธรรมสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมและมีอิทธิพลต่อความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกได้อย่างไร. ดร. Emily Carter นักเทคโนโลยีการอาหารชั้นนําเน้นย้ําว่าความรู้เรื่องเค้กมีมากกว่าวิธีการอบแบบดั้งเดิม. โดยผสมผสานเคมี ประวัติศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ทางประสาทสัมผัส ซึ่งร่วมกันให้ข้อมูลการสร้างสรรค์สูตรอาหารใหม่ๆ และปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์. ‘‘แนวทางแบบสหสาขาวิชาชีพนี้เป็นตัวเปลี่ยนเกม ’’ เธอกล่าว ‘‘กําหนดสิ่งที่ผู้บริโภคคาดหวังจากผลิตภัณฑ์เบเกอรี่อีกครั้ง’ ข้อมูลการตลาดจาก British Culinary Institute เผยให้เห็นถึงความต้องการผลิตภัณฑ์เค้กที่ขับเคลื่อนด้วยงานฝีมือและความรู้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับสินค้าที่ผลิตจํานวนมาก. แนวโน้มดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่การชื่นชมของผู้บริโภคต่อความถูกต้องและงานฝีมือในขนมอบ. ผู้เชี่ยวชาญยังตั้งข้อสังเกตอีกว่าความรู้เรื่องเค้กที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นช่วยอํานวยความสะดวกในกลยุทธ์การตลาดแบบกําหนดเป้าหมายซึ่งโดนใจผู้ชมที่หลากหลายทางวัฒนธรรม ซึ่งจะเป็นการขยายการเข้าถึงตลาด. นักวิเคราะห์อุตสาหกรรม David Morgan ให้ความเห็นว่า ‘‘การใช้ประโยชน์จากความรู้เรื่องเค้กไม่ได้เป็นเพียงการทําอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นข้อได้เปรียบทางธุรกิจเชิงกลยุทธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น’’ งานดังกล่าวสรุปด้วยความเห็นพ้องต้องกันว่าการพัฒนาความรู้เรื่องเค้กผ่านการวิจัยและการศึกษายังคงมีความสําคัญต่อการเติบโตที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมการอบขนม. ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับการสนับสนุนให้ลงทุนในการฝึกอบรมแบบสหวิทยาการเพื่อควบคุมศักยภาพนี้ ซึ่งท้ายที่สุดจะยกระดับทั้งนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค.